ประวัติหมูแคระพ็อกเบลลี่
ประวัติความเป็นมาของหมูจิ๋ว
ในปี ค.ศ.1960 (พ.ศ.2503) หมูพันธุ์ที่มีขนาดโตเต็มวัยราวๆ 60 กก. (ขนาดประมาณหมูกระโดนหรือหมูกี้ตัวดำๆน้อยๆบ้านเรานั่นแล) หมูเหล่านี้ถูกส่งไปเพื่อใช้ทดลองยาและทดสอบการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ด้วยเหตุผลที่ว่าเจ้าพวกนี้ตัวเล็กกว่าหมูฟาร์มที่พัฒนาไว้ขุนขายเนื้อเพราะหมูขุนเมื่อโตเต็มที่จะหนักหลายร้อยกิโลกรัม ซึ่งไม่สะดวกกับการเป็นสัตว์ทดลอง หมูพ๊อตเบลลี่(Potbellied pigs)จากเวียดนามก็เป็นหมูอีกชนิดที่ถูกนำไปใช้ในการทดลอง และด้วยขนาดและสีสันที่ดึงดูดใจ หมูพันธุ์พ๊อตเบลลี่จึงถูกซื้อไปเลี้ยงเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดใหม่
จากนั้นความนิยมในการเลี้ยงหมูพ๊อตเบลลี่พุ่งขึ้นสูงมากในปี ค.ศ.1980 (พ.ศ.2523) เรียกว่าเลี้ยงกันไปทั่ว ตั้งแต่อพาร์ทเมนท์ในนิวยอร์คไปจนถึงฟาร์มเล็กๆที่มีไว้พักผ่อนในวันหยุด อย่างไรก็ตามผู้ที่เลี้ยงหมูเหล่านี้เป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านหรืออพาร์ทเม้นท์ในเมืองยังมีความรู้สึกว่าหมูที่มีขนาดเฉลี่ยราวๆ 60 กก. นั้นยังโตเกินไปที่จะเลี้ยงในบ้านหรืออพาร์ทเม้นท์
ในปี ค.ศ.1990-2000 (พ.ศ.2533-2543) ความต้องการของตลาดหมูสัตว์เลี้ยงเริ่มต้องการหมูที่เล็กกว่าหมูพ๊อตเบลลี่เดิม เพื่อให้เหมาะกับการเลี้ยงในบ้านและอพาร์มเม้นท์ ขณะเดียวกันก็มีคนขายหมูที่บอกว่าตัวเล็กมากกว่าเดิม แต่ถูกกลุ่มพิทักษ์สัตว์ต่างๆและนักปรับปรุงพันธุ์หมูต่อต้านหมูที่ไม่ได้เล็กจิ๋วจริงๆอย่างที่กล่าวอ้าง(อาจจะถูกงดอาหารจนแคระแกรน)
กลางปี ค.ศ.1980 (พ.ศ.2523) นายKeith Connell จากสวนสัตว์ในออนตาริโอ ได้สั่งนำเข้าหมูพ๊อตเบลลี่ 20 ตัวเข้าไปยังแคนาดา ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นตระกูลหมูพ๊อตเบลลี่แถบในอเมริกาเหนือเลยทีเดียว โดยข้อบังคับทางกฏหมายแล้วเฉพาะลูกหมูที่เพาะออกมาถึงจะถูกนำเข้าไปขายในอเมริกาได้ ทีแรกตั้งเป้าหมายไว้เพื่อขายสวนสัตว์แต่กลับกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดสัตว์เลี้ยง และมียอดนำเข้าเพิ่มตลอด10ปี มีแม้กระทั่งการจดทะเบียนพันธุ์ประวัติ(Pedigrees)กันด้วย
ในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ.2535) Chris Murray จากเมืองเดวอน(Devon) ใช้เวลาถึง 9ปีเต็มในฟาร์มเพนีเวลล์ (Pennywell Farm) เพื่อพัฒนาหมูพ๊อตเบลลี่เวียดนามกับหมูจากนิวซีแลนด์และหมูอื่นๆที่มีลวดลายและจุดอีกหลายสายพันธุ์ จนได้หมูขนาดเล็กที่มีลวดลายน่ารักและเหมาะที่จะเลี้ยงไว้ภายในบ้าน (เลี้ยงข้างในบ้านเลยนะครับ เพราะว่าเมืองนอกอากาศหนาว) หลังจากนั้นก็พัฒนามาอีก24รุ่นของหมูจนได้หมูที่เรียกว่า “Teacup” และเปิดตัวจำหน่ายในปี ค.ศ.2007 (พ.ศ.2550) ด้วยความน่ารักและความฉลาดของหมูเหล่านี้สนนราคาของหมูจิ๋วทีคัพแต่ละตัวมากกว่า 1000 us$ (มากกว่าสามหมื่นบาท) และราคานี้ยังไม่รวมค่าขนส่งค่าดำเนินการต่างๆด้วยซ้ำไป แต่อย่างไรก็ตามหมูจิ๋วรุ่นทีคัพเล็กพิเศษนี้แม้จะมีการจดใบพันธุ์ประวัติแต่ก็อาจจะมีตัวที่หลุดกลับมาเป็นหมูโต350ปอนด์(160กก.)ได้ (ผู้เขียนคิดว่า น่าจะเป็นเพราะต้นตระกูลหมูนอกที่คุณคริสนำมาผสมเพื่อเอาสีสันและลายจุดเมื่อตอนเริ่มต้นนั้นเป็นหมูขนาดใหญ่นั่นเอง)
เจ้าหมูจิ๋วทีคัพมีความนิยมเลี้ยงอย่างมากในปี ค.ศ. 2009 (พ.ศ.2552) ก็เพราะดาราดังอย่าง ปารีส ฮิลตัน Paris Hilton ได้ซื้อมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงของเธอนั่นเอง เจ้าหมูจิ๋วเหล่านี้เป็นสัตว์ที่ฉลาดและสามารถฝึกให้อยู่ร่วมกับเราในบ้านได้ มันเป็นสัตว์ที่รักษาความสะอาดให้กับตัวเองได้ดีและมีที่กินที่นอนรวมถึงการฝึกให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง แต่สิ่งที่จะต้องพิจารณาให้ดีก็คือเจ้าหมูจิ๋วทีคัพรุ่นเล็กพิเศษแสนจะน่ารักเหล่านี้ แม้จะเรียกว่ารุ่นทีคัพแต่ก็ไม่มีใครยืนยันได้ว่ามันจะไม่โตมาเป็นหมูขนาดใหญ่(หลุดไซส์) สิ่งที่พอจะช่วยได้ก็คือขอดูตัวพ่อแม่ปู่ย่าตายายกันได้ก็จะดีที่สุด แต่บางทีก็อาจจะหลุดมาโตกว่าพ่อแม่ได้เช่นกันถ้าพ่อแม่เป็นหมูที่แคระแกรนจากการจับอดอาหารให้เพื่อให้ตัวเล็ก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น