บทความ

ลักษณะและจุดเด่น

รูปภาพ
ลักษณะหมูแคระ มีขนาดเล็กกว่าหมูทั่วไปจึงถูกเรียกว่า “หมูแคระ” หรือ “หมูจิ๋ว” เป็นที่นิยมเลี้ยงในต่างประเทศมาก และเรียกชื่อต่างกัน เช่น “ไมโคร พิก” (Micro pig) “ทีคัพ พิก” (Teacup pig) “มินิ พิก” (Mini Pig) ที่เห็นตามภาพ หรือคลิปต่างๆ นั้นเป็นขนาดที่ยังไม่โตเต็มวัย ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าขนาดตัวของมันคงไม่โตมากไปกว่านี้แล้วแน่ๆ ซึ่งความจริงไม่ใช่นะคะ มันยังสามารถโตได้อีกค่ะ เมื่ออายุ 2-3 ปี อาจสูงถึง 14–16 นิ้ว หนักประมาณ 30 กิโลกรัม จุดเด่นของหมูแคระ มีจมูกสีชมพู แววตาสดใส ไม่มีกลิ่นให้รำคาญใจ ปัญหาเรื่องหมัดก็หายห่วง ไม่มีมารบกวนคนยี้หมัดแน่นอน จึงเหมาะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนยามเหงา ส่วนปัญหาด้านสุขภาพก็มีน้อย ถือว่าเป็นสัตว์ที่ดูแลรักษา และเลี้ยงง่าย แต่ให้พึงอย่างเดียวคือ โรคเกี่ยวกับผิวหนังแพ้ง่ายเท่านั้น

การศึกษา

รูปภาพ
กรณีศึกษา ฟาร์มหมู    (มกราคม 2561) ปัจจุบันสถานการณ์หมูในประเทศไทยเจอกับปัญหาใหญ่ ผู้ประกอบการฟาร์มขาดทุนตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากภาวะหมูล้นตลาด(oversupply) จากต้นทุนค่าอาหาร วัคซีน Feed additives รวมถึงค่าแม่หมู ลูกหมู รวมเป็นต้นทุนการผลิตกว่า 55 บาท/กก. แต่ราคารับซื้อหน้าฟาร์มอยู่ที่ 40-44 บาท ในเขตตะวันตกของประเทศ    ปัญหาที่ว่านี้อาจจะทุเลาลงจากราคาที่ปรับขึ้น 2-4 บาท ในพระที่ผ่านมา เพื่อรองรับการบริโภคในเทศกาลตรุษจีน เราคงต้องรอดูกันว่าสถานการณ์ตลาดจะเป็นอย่างไร? ราคาจะขึ้นแล้วยืนได้ต่อหรือไม่? สถานการณ์หมูที่เวียดนามมีปัญหาบางส่วนใกล้เคียงกับบ้านเรา หมูหน้าฟาร์มราคาประมาณ 40 บาท จากเมื่อก่อนที่มีกำลังการผลิตสูง เพราะสามารถส่งออกหมูให้กับประเทศจีน ผู้บริโภคใหญ่ของโลก แต่เมื่อประเทศจีนปฏิเสธที่จะนำเข้าหมูจากเวียดนามอย่างกระทันหัน หมูที่ผลิตออกมาก็ล้นตลาด(oversupply) รวมถึงมีการนำเข้าชิ้นส่วนจากสหรัฐอเมริกา ราคาหมูหน้าฟาร์มจึงตกต่ำตั้งแต่นั้นมา   วันนี้เรามาดูกรณีตัวอย่างในการปรับตัวของฟาร์ม Tan Uyen ที่ยังอยู่ได้แม้ในสถานการณ์ราคาหมูตกต่ำ ฟา

การเลี้ยง

รูปภาพ
การเลี้ยงดูและให้อาหาร       สัญชาติญาณของหมูนั้นคือการขุดและนอนตามพื้นดินต่างๆเพราะฉะนั้นการทำคววามสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญแต่ด้วยความที่หมูจิ๋วนั้นมีผิวที่แพ้ง่าย หากอาบน้ำบ่อยอาจมีปัญหาเรื่องโรคผิวหนัง การอาบน้ำอาทิตย์ละหนึ่งครั้งจึงเหมาะสมที่สุด และถึงแม้จะเป็นสัตว์เลี้ยงตัวเล็กเลี้ยงในบ้านได้เหมือนสุนัขและแมว แต่อาหารนั้นคนละอย่างกันเลย  การให้อาหารควรที่มีผักและผลไม้เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน  หรือว่าจะให้ปริมาร 25% ของอาหารที่ให้กินในแต่ละครั้ง   ผักควรประกอบด้วย  แตงกวา  ผักใบเขียวทั้งหลาย  ผลไม้ต่างๆ  ชอบแอปเปิ้ล หัวอาหารควรให้เท่าที่จำเป็น จะต้องให้อาหารที่มีความสมบูรณ์   หากหมูยังมีตัวเล็กมากก็อย่าพึ่งให้อาหารมาก เพราะอาจจะส่งผลเสีย  หมูจะกินอาหารไม่เลือกจะหิวไม่หิวก็ตาม ให้วันละสองครั้งเช้าและเย็น  อย่าให้อาหารที่เป็นเนื้อและมีรสเค็ม            สรุปแล้วว่าหมูจิ๋วนั้นมีอยู่จริงค่ะ แต่หากต้องการจะเลี้ยงจริงๆนั้นผู้เลี้ยงต้องศึกษาข้อมูลของเขาให้ดี และต้องมั่นใจว่าจะไม่โดนผู้ขายหลอก เพราะหมูที่เพิ่งคลอด หรือหมูที่ยังเล็กนั้นก็มีหน้าตาเหมือนกันหมด

ประวัติหมูแคระพ็อกเบลลี่

รูปภาพ
ประวัติความเป็นมาของหมูจิ๋ว           ในปี ค.ศ.1960 (พ.ศ.2503) หมูพันธุ์ที่มีขนาดโตเต็มวัยราวๆ 60 กก. (ขนาดประมาณหมูกระโดนหรือหมูกี้ตัวดำๆน้อยๆบ้านเรานั่นแล) หมูเหล่านี้ถูกส่งไปเพื่อใช้ทดลองยาและทดสอบการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ด้วยเหตุผลที่ว่าเจ้าพวกนี้ตัวเล็กกว่าหมูฟาร์มที่พัฒนาไว้ขุนขายเนื้อเพราะหมูขุนเมื่อโตเต็มที่จะหนักหลายร้อยกิโลกรัม ซึ่งไม่สะดวกกับการเป็นสัตว์ทดลอง หมูพ๊อตเบลลี่(Potbellied pigs)จากเวียดนามก็เป็นหมูอีกชนิดที่ถูกนำไปใช้ในการทดลอง และด้วยขนาดและสีสันที่ดึงดูดใจ หมูพันธุ์พ๊อตเบลลี่จึงถูกซื้อไปเลี้ยงเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดใหม่           จากนั้นความนิยมในการเลี้ยงหมูพ๊อตเบลลี่พุ่งขึ้นสูงมากในปี ค.ศ.1980 (พ.ศ.2523) เรียกว่าเลี้ยงกันไปทั่ว ตั้งแต่อพาร์ทเมนท์ในนิวยอร์คไปจนถึงฟาร์มเล็กๆที่มีไว้พักผ่อนในวันหยุด อย่างไรก็ตามผู้ที่เลี้ยงหมูเหล่านี้เป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านหรืออพาร์ทเม้นท์ในเมืองยังมีความรู้สึกว่าหมูที่มีขนาดเฉลี่ยราวๆ 60 กก. นั้นยังโตเกินไปที่จะเลี้ยงในบ้านหรืออพาร์ทเม้นท์           ในปี ค.ศ.1990-2000 (พ.ศ.2533-2543) ความต้องการของตลาดหมูสัตว์เลี้ยงเริ่มต้อง